Skip to main content
หน้าหลัก
  • ผลิตภัณฑ์
    redoxon-box-img
  • คำถามที่พบบ่อย
    submenu-image
  • เอกสารกำกับยา
  • เคล็ดลับสุขภาพ
    • 6 นิสัยที่ดี เพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของคุณ
    • 5 อาหารง่ายๆ กินอย่างไร? ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
    • 5 วิตามินช่วยเรื่องฮอร์โมนที่ผู้หญิง-ผู้ชายควรรู้จัก
    • Vitamin C และ Zinc ดีอย่างไร? ควรกินตอนไหน?
    • Zinc กับวิตามินซี รวมพลังสร้างประโยชน์ให้ร่างกาย
    • ชวนรู้จักอาการเมื่อขาดวิตามินดี และวิธีป้องกัน
    • ภาวะร่างกายอ่อนแอ ภูมิต้านทานต่ำ และวิธีเสริมภูมิคุ้มกันที่ดี
    • รู้จักประโยชน์ของวิตามินดี และวิธีเพิ่มวิตามินดีแก่ร่างกาย
    • รู้ทันภาวะความเครียด พร้อมแนะนำอาหารเสริมคลายเครียด
    • แร่ธาตุ Zinc ช่วยอะไรบ้าง ดีต่อผู้หญิงอย่างไร ?
  • สาระน่ารู้เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน
    • 6 สัญญาณเตือน เช็กอย่างไร ว่าระบบภูมิคุ้มกันกำลังอ่อนแอ?
    • เรื่องควรรู้เกี่ยวกับโรคหวัด
    • วิตามินและแร่ธาตุจำเป็นสำหรับภูมิคุ้มกันร่างกาย
    • Zinc ช่วยอะไร จำเป็นต่อร่างกายทั้งผู้หญิงและผู้ชายอย่างไร
    • ชวนไปดูสารอาหารที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน มีอะไรบ้าง?
    • รู้จักประโยชน์ของวิตามินดี วิตามินดี ๆ ที่สำคัญต่อร่างกาย
  • หาซื้อได้ที่
Bayer Cross Logo
  1. หน้าหลัก
  2. เอกสารกำกับยา

เอกสารกำกับยาภาษาไทย

เรด็อกซอน® ดี พลัส ซิ้งค์

 

ยาเม็ดฟู่จากไบเออร์

ชื่อผลิตภัณฑ์
เรด็อกซอน® ซี ดี พลัส ซิ้งค์

ชื่อและความแรงของตัวยาสำคัญ

ใน 1 เม็ดฟู่ของ เรด็อกซอน ซี ดี พลัส ซิ้งค์ ประกอบด้วย วิตามินซี (ในรูปกรดแอสคอร์บิก) วิตามินดี (ในรูปโคเลแคลซิเฟอรอล) สังกะสี (ในรูปซิ้งค์ซิเตรต ไตรไฮเดรต 32 มิลลิกรัม) 

หน้าที่ของวิตามิน ซี และสังกะสี (ซิ้งค์)

วิตามินซี วิตามินดี และสังกะสี  ล้วนมีบทบาทสำคัญในส่วนของสารอาหารและการบำรุงรักษาสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

วิตามินซี วิตามินดี และสังกะสี มีบทบาทสำคัญในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และการต้านทานโรคของร่างกาย

ลักษณะของผลิตภัณฑ์

เม็ดฟู่ รูปกลมแบนทั้งสองด้าน ตัดมุมขอบ มีจุดเล็กๆ สีส้มและมีกลิ่นส้ม

เภสัชพลศาสตร์/ เภสัชจลนศาสตร์

เภสัชพลศาสตร์
กลุ่มทางเภสัชวิทยาในการรักษา: ATC Code: A11GB (วิตามินซี ร่วมกับวิตามินดี และสังกะสี)

วิตามินซี วิตามินดี และสังกะสี

วิตามินซี (กรดแอสคอร์บิก) เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ เนื่องจากเป็นวิตามินที่ไม่สามารถถูกกักเก็บในร่างกายได้ ร่างกายจึงจำเป็นต้องได้รับวิตามิน ซีในปริมาณที่เพียงพออย่างสม่ำเสมอ 

วิตามิน ซีและสารเมตาบอไลต์ กรดดีไฮโดรแอสคอร์บิก จะสร้างระบบรีดอกซ์ (redox system) ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาของเอนไซม์หลายชนิดรวมถึงการออกฤทธิ์ของวิตามิน ซี วิตามิน ซีทำหน้าที่เป็นโคแฟกเตอร์ในปฏิกิริยาไฮดรอกซีเลชันและอะมิเดชั่น 

ความสำคัญของวิตามิน ซีต่อร่างกายที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดเมื่อมีภาวะบกพร่อง คือ เลือดออกตามไรฟัน วิตามิน ซีมีบทบาทสำคัญในการสร้างไฮดรอกซีโพรลีนจากโพรลีน ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจน อาการต่างๆ ที่พบจากภาวะเลือดออกตามไรฟัน เช่น แผลหายช้า รบกวนการเจริญของกระดูก เส้นเลือดเปราะ และความผิดปกติของการสร้างเนื้อฟัน เป็นผลมาจากการสร้างคอลลาเจนที่บกพร่อง
เช่นเดียวกับวิตามิน ซี ภาวะที่ร่างกายขาดสังกะสีอาจส่งผลต่ออัตราการหายของแผลทั่วๆ ไป แผลในทางเดินอาหาร และแผลกดทับต่างๆ

เช่นเดียวกับวิตามิน ซี ภาวะที่ร่างกายขาดสังกะสีอาจส่งผลต่ออัตราการหายของแผลทั่วๆ ไป แผลในทางเดินอาหาร และแผลกดทับต่างๆ

สังกะสีมีความสำคัญในการบำรุงรักษาการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การตอบสนองของ ที-เซลล์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลาง

วิตามินดี จัดว่าไม่มีฤทธิ์ทางชีวภาพจนกว่าจะถูกเปลี่ยนเป็นเมแทบอไลต์ที่ออกฤทธิ์ทางชีวภาพ คือ 1,25-(OH) 2D หรือ ที่เรียกว่า แคลซิไทรออล นอกจากบทบาทด้านสุขภาพกระดูกตามที่ทราบกันโดยทั่วไป วิตามินดียังมีความสำคัญ ต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอีกด้วย  

การขาดวิตามินดีอย่างรุนแรงสามารถเป็นสาเหตุของกลุ่มโรคที่หลีกเลี่ยงได้หลายชนิด  รวมถึงโรคกระดูกที่รู้จักกันดี เช่น โรคกระดูกพรุน

ธาตุสังกะสี เช่นเดียวกับวิตามินซี ภาวะที่ร่างกายขาดสังกะสีอาจส่งผลต่ออัตราการหายของแผลทั่วไป แผลในทางเดิน อาหารและแผลกดทับต􀀂างๆสังกะสีมีความสำคัญในการบำรุงรักษาการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตอบ สนองของ T-cell ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลาง

เภสัชจลนศาสตร์
วิตามิน ซี วิตามินดี และสังกะสี

การดูดซึม
วิตามินซีส่วนใหญ่จะถูกดูดซึมที่ลำไส้เล็กส่วนบนผ่าน sodium-dependent active transportวิตามินดีถูกรวมเข้าในไคโลไมครอนในลำไส้เล็ก และถูกดูดซึมผ่านระบบน้ำเหลืองผ่านท่อน้ำเหลืองที่ทรวงอก   สังกะสีถูกดูดซึมได้ตลอดลำไส้เล็ก

การกระจาย
วิตามินซีที่สะสมอยู่ในร่างกายมีอยู่ประมาณ 1,500 มก. โดยปกติ ความเข้มข้นในเลือดของวิตามินซีอยู่ที่ 10 มิลลิกรัม /ลิตร (60 ไมโครโมล/ลิตร) ความเข้มข้นที่ต่ำกว่า 4 มิลลิกรัม/ลิตร (20 ไมโครโมล/ลิตร) แสดงถึงการได้รับวิตามิน ไม่เพียงพอภายหลังถูกดูดซึมในลำไส้และส่งไปยังตับ  วิตามินดีจะถูกเปลี่ยนอย่างรวดเร็วด้วยเอนไซม์ไปเป็น 25-Hydroxy Vitamin D (25-OHD) ซึ่งเป็นรูปของวิตามินดีส่วนใหญ่ที่ไหลเวียนในเลือด มีค่าครึ่งชีวิตประมาณ 10-20 วัน  โดยมี เนื้อเยื่อไขมันและกล้ามเนื้อเป็นแหล่งสะสมวิตามินดีที่สำคัญ ปริมาณสังกะสีโดยรวมในร่างกายผู้ใหญ่ จะอยู่ในช่วงประมาณ 2.3 มิลลิโมล (1.5 กรัม) ในผู้หญิง ถึง 3.8 มิลลิโมล (2.5 กรัม) ในผู้ชาย

การเผาผลาญ
วิตามินซีจะถูกเมแทบอไลซ์บางส่วนผ่านการเปลี่ยนกรดดีไฮโดรแอสคอร์บิกไปเป็นกรดออกซาลิก และสารอื่น ๆ เมแทบอไลท์ส่วนใหญ่ของวิตามินดีจะเกิด hydroxylation ด้วยเอนไซม์ในไตและในเนื้อเยื่อเป้าหมาย

การขจัดออก
ค่าครึ่งชีวิตของการกำจัดวิตามินซี ขึ้นอยู่กับช่องทางในการได้รับ ปริมาณที่ได้รับ และอัตราการดูดซึม หลังรับประทาน วิตามินซี 1 กรัม ค่าครึ่งชีวิตจะอยู􀀂ที่ประมาณ 13 ชั่วโมงวิตามินดีและเมแทบอไลต์ส่วนใหญ่จะถูกขับออกมากับอุจจาระโดยมีน้ำดีเป็นตัวช่วยช่องทางหลักในการขับออกของสังกะสี คือ ระบบทางเดินอาหาร โดยส่วนใหญ่ขับออกทางอุจจาระ

ข้อบ่งใช้

  • สำหรับรักษาอาการขาดวิตามินซี วิตามินดี และสังกะสี
  • ใช้สำหรับป้องกันและรักษาการขาดวิตามินซี วิตามินดี และสังกะสี  ในภาวะที่ร่างกายมีความต้องการเพิ่มขึ้น ได้รับ ไม่เพียงพอ หรือมีความเสี่ยงว่าจะมีการขาดเกิดขึ้น 
  • วิตามินซี และ สังกะสีมีความจำเป็นต่อกลไกของร่างกายในการป้องกันและต้านทานโรค

ขนาดยาที่แนะนำ

ผู้ใหญ่และเด็กอายุมากกว่า 12 ปี รับประทานวันละ 1 เม็ด เมื่อต้องการหรือตามแพทย์สั่ง 

วิธีการใช้ยา

ละลายเม็ดฟู่ เรด็อกซอน ซี ดี พลัส ซิ้งค์ 1 เม็ด ในน้ำเย็น 1 แก้ว แล้วดื่ม

ข้อห้ามใช้

  • ผู้ที่แพ้สารออกฤทธิ์  หรือส่วนประกอบใด ๆ ในผลิตภัณฑ์
  • ผู้มีภาวะไตวายรุนแรง (อัตราการกรองของไต, GFR <30 มล./นาที) รวมถึงผู้ที่ได้รับการล้างไต
  • ผู้เป็นนิ่วในไต (nephrolithiasis) หรือมีประวัตินิ่วในไต  
  • ผู้มีภาวะออกซาเลตสูงในปัสสาวะ (hyperoxaluria)
  • ผู้มีภาวะเหล็กเกินในร่างกาย (hemochromatosis)

คำเตือนและข้อควรระวัง

  • ห้ามใช้เกินขนาดที่ระบุ การใช้ยาเกินขนาดทั้งแบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาการไม่พึงประสงค์
  • ควรระวังเมื่อรับประทานร่วมกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือยาที่มีวิตามินซี วิตามินดี อนุพันธ์ของวิตามินดี และ/หรือ สังกะสี เป็นส่วนประกอบ
  • ควรเว้นช่วงรับประทานห่างจากยาชนิดอื่นๆ ประมาณ 4 ชั่วโมง นอกจากระบุไว้เป็นอย่างอื่น
  • วิตามินซี อาจมีผลทำให้ผลการทดสอบจากห้องปฏิบัติการเกิดความคลาดเคลื่อน จึงควรแจ้งแพทย์ให้ทราบล่วงหน้าก่อนการ ตรวจวัดวิตามินซี อาจทำให้ผลการวัดของชุดตรวจน้ำตาลในเลือดเกิดความคลาดเคลื่อน
  • โปรดอ้างอิงตามคำแนะนำในเอกสารกำกับ ชุดการทดสอบที่ใช้ข้อควรระวังเกี่ยวกับส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์เนื่องจากยานี้มีโซเดียมเป็นส่วนประกอบ จึงควรระวังในผู้ป่วยที่ต้องควบคุมปริมาณโซเดียมตำรับนี้มีสารให้ความหวานไอโซมอลต์ (isomalt)
  • ไม่แนะนำให้ใช้ในผู้ที่มีภาวะไม่ทนต่อฟรุกโตสจากพันธุกรรม (hereditary fructose intolerance) 

อันตรกิริยากับยาอื่นๆ

พบรายงานที่ชัดเจนของการเกิดอันตรกิริยาสำหรับตัวยาสำคัญเดี่ยว ดังนั้น ผู้ที่ได้รับยาอื่นๆ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรืออยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยานี้ ไม่ควรพบอันตรกิริยาเฉพาะเจาะจงอื่นใด หากใช้ยาตามที่ระบุ

อันตรกิริยากับยาอื่นๆ

วิตามิน ซี

  • ดีเฟอร์ร็อกซามีน- วิตามินซีอาจเพิ่มความเป็นพิษของเหล็กในเนื้อเยื่อ โดยเฉพาะหัวใจ  ทำให้การทำงานของหัวใจล้มเหลว (cardiac decompensation)
  • เหล็ก - วิตามินซีอาจเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก โดยเฉพาะในผู้มีภาวะขาดธาตุเหล็ก การเพิ่มขึ้นของธาตุเหล็กในร่างกายเพียงเล็กน้อยอาจมีความสำคัญในผู้ที่มีภาวะเช่น ผู้มีภาวะเหล็กเกินจากพันธุกรรม หรือในผู้มีภาวะนี้แบบ heterozygous เนื่องจากอาจยิ่งทำให้เหล็กเกินมากขึ้น 
  • ไซโคลสปอริน-การเสริมสารต้านอนุมูลอิสระรวมทั้งวิตามินซี  อาจลดระดับไซโคลสปอรินในเลือด
  • อินดินาเวียร์ (ยายับยั้งเอนไซม์โปรตีเอส) – วิตามินซีขนาดสูงจะลดความเข้มข้นของยาอินดินาเวียร์ในเลือดอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจรบกวนประสิทธิภาพของยาอินดินาเวียร์
  • วอร์ฟาริน – วิตามินซีขนาดสูงอาจรบกวนประสิทธิภาพของยาวาฟาริน

วิตามินดี 3

ยาขับปัสสาวะไทอะไซด์ – ยาขับปัสสาวะไทอะไซด์ จะลดการขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะ ควรระวังการใช้เมื่อใช้รักษาร่วมกับวิตามินดี  ควรตรวจระดับแคลเซียมในเลือดอย่างสม่ำเสมอระหว่างการใช้ร่วมกับยาขับปัสสาวะไทอะไซด์

ยาบางชนิดอาจลดการดูดซึมวิตามินดีในทางเดินอาหาร การแยกเวลารับประทานยาเหล่านี้และวิตามินดีอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ก่อนรับประทานวิตามินดี  หรือ 4-6 ชั่วโมง หลังรับประทานวิตามินดี  จะช่วยลดอันตรกิริยาเหล่านี้ ได้แก่

  • เรซินแลกเปลี่ยนไอออน (เช่น คอเลสไทรามีน)
  • ออริสแตท        
  • ยาระบาย (เช่น มิเนรัล ออย, มะขามแขก)

ควรหลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับอนุพันธ์ของวิตามินดี  (เช่น เออร์โกแคลซิเฟอรอล, แคลซิไทรออล และ แคลซิ-โพทริอีน แบบใช้เฉพาะที่)  เนื่องจากจะเพิ่มความเสี่ยงของภาวะพิษจากวิตามินดีเกิน และ/หรือ ภาวะแคลเซียมสูงในเลือด 

สังกะสี

ธาตุประจุบวกชนิดโพลีวาเลนท์ เช่น สังกะสี จะจับกับสารบางชนิดเกิดเป็นสารเชิงซ้อนส่งผลให้การดูดซึมของทั้งสารทั้งสองตัวลดลง เนื่องจากอันตรกิริยาดังกล่าวเกิดในทางเดินอาหาร การรับประทานยานี้โดยเว้นช่วงห่างจากยาอื่นๆ จะลดความเสี่ยงนี้ได้ โดยปกติเว้นช่วงห่างอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อน หรือ 4-6 ชั่วโมงหลังรับประทานยาอื่น นอกจากระบุไว้เป็นอย่างอื่น สารที่จับเป็นสารเชิงซ้อนเหล่านี้ ได้แก่

  • ยาปฏิชีวนะ กลุ่มเตตราไซคลิน
  • ยาปฏิชีวนะ กลุ่มควิโนโลน
  • เพนนิซิลลามีน
  • บิสฟอสโฟเนตส์
  • เลโวไทรอกซีน

อันตรกิริยากับผลการทดสอบจากห้องปฏิบัติการ

วิตามินซี

  • เนื่องจากวิตามินซีเป็นตัวให้อิเลคตรอนที่แรง จึงอาจไปรบกวนผลการทดสอบจากห้องปฏิบัติการซึ่งเกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาออกซิเดชัน-รีดักชัน เช่น การวิเคราะห์กลูโคส ครีเอทินิน คาร์บามาซีปีน กรดยูริก และฟอสเฟตอนินทรีย์ในปัสสาวะ เลือด และอุจจาระที่มีเลือดปน การเลือกใช้วิธีทดสอบที่เฉพาะเจาะจง หรือการหยุดรับประทานวิตามินซีเสริม จะช่วยหลีกเลี่ยงผลที่อาจคลาดเคลื่อนนี้ได้ ทั้งนี้โปรดอ้างอิงข้อมูลจากผู้ผลิตเครื่องมือทดสอบดังกล่าวเพื่อประกอบการตัดสินใจ
  • วิตามินซีอาจไปรบกวนการวัดปริมาณกลูโคสในเลือดและปัสสาวะ ส่งผลให้การอ่านค่าการทดสอบผิดพลาดได้ แม้ว่าจะไม่มีผลต่อระดับกลูโคสในเลือดเลยก็ตาม โปรดอ้างอิงตามคำแนะนำในเอกสารกำกับชุดการทดสอบที่ใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ

สตรีมีครรภ์และสตรีระหว่างให้นมบุตร

การตั้งครรภ์

โดยทั่วไป ผลิตภัณฑ์นี้จัดว่าปลอดภัยสำหรับใช้ในระหว่างตั้งครรภ์   อย่างไรก็ตาม จากขนาดของวิตามินซีที่สูงกว่าปริมาณขั้นต่ำที่แนะนำต่อวันในระหว่างตั้งครรภ์  จึงควรปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์นี้

ไม่ควรใช้เกินขนาดที่ระบุไว้บนฉลาก  เนื่องจากการใช้เกินขนาดต่อเนื่องยาวนานอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ 

ทั้งนี้ให้คำนึงถึงการได้รับวิตามินและ สังกะสีจากแหล่งอื่นด้วย

การให้นมบุตร

โดยทั่วไป ผลิตภัณฑ์นี้จัดว่าปลอดภัยสำหรับใช้ระหว่างให้นมบุตร  อย่างไรก็ตาม จากขนาดของวิตามินซีที่สูงกว่าปริมาณขั้นต่ำที่แนะนำต่อวันในระหว่างให้นมบุตร  จึงควรปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์นี้

วิตามินและสังกะสีในผลิตภัณฑ์ถูกขับออกในน้ำนมมารดา จึงควรระมัดระวังในการใช้

การเจริญพันธุ์

ไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าระดับปกติของวิตามินและสังกะสีในร่างกาย  ทำให้เกิดผลไม่พึงประสงค์ด้านการเจริญพันธุ์ของมนุษย์ 

อาการไม่พึงประสงค์

ไม่ทราบความถี่ของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่ระบุไว้ต่อไปนี้ (ไม่สามารถประมาณการณ์จากข้อมูลที่มีอยู่)

ความผิดปกติต่อระบบทางเดินอาหาร

ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน ปวดในทางเดินอาหารและช่องท้อง

ความผิดปกติต่อระบบภูมิคุ้มกัน

ปฏิกิริยาภูมิไวเกินที่แสดงออกโดยผลทางคลินิกและห้องปฏิบัติการ ซึ่งรวมถึงภาวะหอบหืด การแพ้เล็กน้อยถึงปานกลางต่อ ผิวหนัง ระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินอาหาร ระบบหัวใจและหลอดเลือด อาการดังกล่าวรวมถึงผื่น ลมพิษ บวม คัน และระบบหัวใจ-ทางเดินหายใจทำงานลำบากหากสงสัยว่ามีอาการแพ้  ต้องหยุดใช้ผลิตภัณฑ์และปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์

การได้รับยาเกินขนาดและวิธีการรักษา

ไม่มีหลักฐานว่าผลิตภัณฑ์นี้ทำให้ได้รับยาเกินขนาดเมื่อใช้ตามที่ระบุไว้ในฉลาก  อาจเป็นข้อยกเว้นกรณีรับประทานวิตามินและสังกะสีจากแหล่งอื่นด้วย

อาการแสดงทั่วไปของการได้รับยาเกินขนาด ได้แก่ การรบกวนระบบทางเดินอาหารมากขึ้น เช่น อาการท้องเสีย คลื่นไส้ และอาเจียน

หากเกิดอาการดังกล่าว ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์และปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์

การใช้ผลิตภัณฑ์เกินขนาดทั้งแบบเฉียบพลันหรือเรื้อรัง  อาจทำให้เกิดความเป็นพิษเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับวิตามินซี วิตามินดี และ/หรือ สังกะสี

อาการแสดงทางคลินิก ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ และผลที่ตามมาจากการได้รับผลิตภัณฑ์เกินขนาด  มีความหลากหลายมาก ขึ้นอยู่กับความไวของแต่ละบุคคล และสภาวะโดยรอบ

อาการแสดงทางคลินิกเฉพาะ (เช่น เมื่อรับประทานผลิตภัณฑ์ในขนาด 10 เท่าของปริมาณที่ระบุในฉลาก) อาจเกิดอาการต่อไปนี้:
 

วิตามิน ซี
การได้รับวิตามินซีเกินขนาดแบบเฉียบพลันหรือเรื้อรัง (> 2 กรัม/วัน ในผู้ใหญ่) อาจทำให้ระดับของออกซาเลตในเลือดและปัสสาวะสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ บางกรณีอาจทำให้เกิดภาวะออกซาเลตสูงในปัสสาวะ มีผลึกแคลเซียมออกซาเลตในปัสสาวะ มีการสะสมของแคลเซียมออกซาเลต เกิดนิ่วในไต เกิดพยาธิสภาพที่อินเตอร์สติเทียลของท่อไต (tubulointerstitial nephropathy) และภาวะไตวายเฉียบพลัน

การได้รับวิตามินซีเกินขนาด (> 3 กรัม/วัน ในเด็ก และ > 15 กรัม/วัน ในผู้ใหญ่) ในผู้ที่มีภาวะขาดเอนไซม์ glucose-6-phosphate dehydrogenase  อาจทำให้เกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตกจากออกซิเดชัน  หรือภาวะเลือดแข็งตัวในหลอดเลือดแบบแพร่กระจาย (disseminated intravascular coagulation)

วิตามินดี
การรับประทานวิตามินดีมากกว่า 4,000 หน่วยสากล/วัน (100 ไมโครกรัม/วัน)  ต่อเนื่องยาวนาน จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดพิษจากวิตามินดีเกิน ผลกระทบหลายอย่างจากความเป็นพิษของวิตามินดีแบบเรื้อรังเกี่ยวข้องกับการเหนี่ยวนำให้เกิดภาวะแคลเซียมสูงในเลือด และภาวะแคลเซียมสูงในปัสสาวะ โดยจะมีอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน น้ำหนักลด ปัสสาวะบ่อย หัวใจเต้นผิดจังหวะ อ่อนเพลีย และเกิดแคลเซียมสะสมในเนื้อเยื่อ

ภาวะแคลเซียมสูงในเลือดมารดาซึ่งอาจเกิดจากการรับประทานวิตามินดีมากเกินไประหว่างตั้งครรภ์  มีความสัมพันธ์กับภาวะแคลเซียมสูงในเลือดทารกแรกเกิด ซึ่งอาจทำให้ทารกเกิดกลุ่มอาการภาวะตีบแคบของเส้นเลือดเข้าหัวใจ (supravalvular aortic stenosis syndrome) ความผิดปกติอื่น ๆ ได้แก่ พยาธิสภาพของจอประสาทตา ความบกพร่องด้านการเจริญเติบโตหรือสติปัญญา  ตาเหล่  และผลกระทบอื่น ๆ

สังกะสี
การได้รับสังกะสีเกินขนาด (> 40 มก./วัน ในผู้ใหญ่) อาจทำให้ท้องร่วง ระคายเคืองและการกัดกร่อนทางเดินอาหาร ท่อไตวายเฉียบพลัน  การอักเสบของเนื้อเยื่อไต การขาดธาตุทองแดง โรคโลหิตจางแบบ sideroblastic และการอักเสบของประสาทไขสันหลัง

หากสงสัยว่าได้รับผลิตภัณฑ์เกินขนาด  ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์และปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์เกี่ยวกับการรักษาอาการทางคลินิก

สภาวะการเก็บรักษา

เก็บที่อุณหภูมิไม่เกิน 30˚C เก็บยาให้พ้นมือเด็ก เก็บยาไว้ในแผง กล่อง และเก็บยาไว้ในหลอดโดยปิดฝาให้สนิท

เก็บยาให้พ้นมือเด็ก

มีการบรรจุสารกันชื้นที่ฝาหลอด ห้ามเด็กเล่นกับฝาหลอด เพราะอาจกลืนกินสารกันชื้นได้

รูปแบบยาและขนาดบรรจุที่มีจำหน่าย

บรรจุ 15 เม็ดฟู่ ในหลอดอลูมิเนียม

ชื่อและที่อยู่ของผู้นำหรือสั่งยาแผนปัจจุบันเข้ามาในราชอาณาจักร

บริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด
130/1 ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
ผลิตโดย พีที ไบเออร์ อินโดนีเซีย ดีปอก ประเทศอินโดนีเซีย

วันที่มีการแก้ไขปรับปรุงเอกสาร
มิถุนายน 2557.

เอกสารอ้างอิง

  1. Company Core Data Sheet – Ascorbic acid (or Vitamin C)/ Ascorbic acid (Vitamin C) + Zinc citrate, Version 4.0 (August 2013).
  2. Medical justification document: Update of 4.1, 4.2, 5.1 and 5.2 (26 Jul 2013).
  3. Safety justification document: Update of 4.3, 4.4, 4.5, 4.6, 4.7, 4.8, 4.9 and 6.6. (1 Aug 2013).

เรด็อกซอน® ซิ้งค์

 

ยาเม็ดฟู่จากไบเออร์

ชื่อผลิตภัณฑ์
เรด็อกซอน® ซิ้งค์

ชื่อและความแรงของตัวยาสำคัญ

ใน 1 เม็ดฟู่ ประกอบด้วย

วิตามินซี (ในรูปกรดแอสคอร์บิก)
(1666.67% RDI)
1000 มิลลิกรัม
สังกะสี (ในรูปซิ้งค์ ซิเตรต ไตรไฮเดรต 32 กรัม)
(66.66% RDI)
10 มิลลิกรัม

 

หน้าที่ของวิตามิน ซี และสังกะสี (ซิ้งค์)

วิตามิน ซี และสังกะสี (ซิ้งค์) เป็นสารที่จำเป็นต่อร่างกาย

ลักษณะของผลิตภัณฑ์

เม็ดฟู่ รูปกลมแบนทั้งสองด้าน ตัดมุมขอบ มีจุดเล็กๆ สีส้มและมีกลิ่นส้ม

เภสัชพลศาสตร์/ เภสัชจลนศาสตร์

เภสัชพลศาสตร์
กลุ่มทางเภสัชวิทยาในการรักษา: ATC Code: A11GB (สำหรับวิตามิน ซีและสังกะสี)

วิตามิน ซี และสังกะสี

วิตามินซี (กรดแอสคอร์บิก) เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ เนื่องจากเป็นวิตามินที่ไม่สามารถถูกกักเก็บในร่างกายได้ ร่างกายจึงจำเป็นต้องได้รับวิตามิน ซีในปริมาณที่เพียงพออย่างสม่ำเสมอ

วิตามิน ซีและสารเมตาบอไลต์ กรดดีไฮโดรแอสคอร์บิก จะสร้างระบบรีดอกซ์ (redox system) ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาของเอนไซม์หลายชนิดรวมถึงการออกฤทธิ์ของวิตามิน ซี วิตามิน ซีทำหน้าที่เป็นโคแฟกเตอร์ในปฏิกิริยาไฮดรอกซีเลชันและอะมิเดชั่น

ความสำคัญของวิตามิน ซีต่อร่างกายที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดเมื่อมีภาวะบกพร่อง คือ เลือดออกตามไรฟัน วิตามิน ซีมีบทบาทสำคัญในการสร้างไฮดรอกซีโพรลีนจากโพรลีน ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจน อาการต่างๆ ที่พบจากภาวะเลือดออกตามไรฟัน เช่น แผลหายช้า รบกวนการเจริญของกระดูก เส้นเลือดเปราะ และความผิดปกติของการสร้างเนื้อฟัน เป็นผลมาจากการสร้างคอลลาเจนที่บกพร่อง

เช่นเดียวกับวิตามิน ซี ภาวะที่ร่างกายขาดสังกะสีอาจส่งผลต่ออัตราการหายของแผลทั่วๆ ไป แผลในทางเดินอาหาร และแผลกดทับต่างๆ

สังกะสีมีความสำคัญในการบำรุงรักษาการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การตอบสนองของ ที-เซลล์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลาง

เภสัชจลนศาสตร์
วิตามิน ซี และสังกะสี

การดูดซึม
วิตามิน ซีถูกดูดซึมที่ลำไส้เล็กส่วนต้น ผ่านระบบการส่งผ่านที่มีโซเดียมเป็นองค์ประกอบ
สังกะสีถูกดูดซึมได้ตลอดลำไส้เล็ก

การกระจาย
ปริมาณวิตามิน ซีทั้งหมดในร่างกายประมาณ 1500 มิลลิกรัม ความเข้มข้นในเลือดตามปกติคือ 10 มิลลิกรัมต่อลิตร (60 ไมโครโมลต่อลิตร) ถ้าความเข้มข้นต่ำกว่า 4 มิลลิกรัมต่อลิตร (20 ไมโครโมลต่อลิตร) จะบ่งชี้ว่าร่างกายได้รับวิตามิน ซีไม่เพียงพอ ปริมาณสังกะสีทั้งหมดในร่างกายผู้ใหญ่ อยู่ในช่วงประมาณ 2.3 มิลลิโมล (1.5 กรัม) ในผู้หญิงถึง 3.8 มิลลิโมล (2.5 กรัม) ในผู้ชาย

การเผาผลาญ
วิตามิน ซีบางส่วนถูกเมตาบอไลซ์โดยกรดดีไฮโดรแอสคอร์บิก เป็นกรดออกซาลิกและสารอื่นๆ

การขจัดออก
ค่าครึ่งชีวิตในการขจัดออกของวิตามิน ซีขึ้นกับช่องทางการได้รับยา ปริมาณที่ได้รับและอัตราการดูดซึม เมื่อให้ 1 กรัมโดยการรับประทาน ค่าครึ่งชีวิตอยู่ที่ประมาณ 13 ชั่วโมง
ช่องทางหลักในการขับออกของสังกะสี คือ ระบบทางเดินอาหาร โดยส่วนใหญ่ขับออกทางอุจจาระ

ข้อบ่งใช้

ป้องกันและรักษาอาการขาดวิตามิน ซี และสังกะสี ในภาวะที่ร่างกายต้องการเพิ่มขึ้น ได้รับไม่เพียงพอ หรือมีความเสี่ยงว่าจะมีการขาดเกิดขึ้น ทั้งวิตามิน ซี และสังกะสีมีความจำเป็นต่อกลไกของร่างกายในการป้องกันและต้านทานโรค

ขนาดยาที่แนะนำ

ผู้ใหญ่และเด็กอายุมากกว่า 12 ปี รับประทานวันละ 1 เม็ด เมื่อต้องการหรือตามแพทย์สั่ง

วิธีการใช้ยา

ละลายเม็ดฟู่ เรด็อกซอน ซิ้งค์ 1 เม็ด ในน้ำเย็น 1 แก้ว แล้วดื่ม

ข้อห้ามใช้

  • ผู้ป่วยที่แพ้ต่อกรดแอสคอร์บิก (หรือกรดแอสคอร์บิก + ซิ้งค์ ซิเตรต) หรือสารประกอบอื่นๆ ในยา
  • ผู้ป่วยที่เป็นนิ่วในไต หรือมีประวัติเป็นนิ่วในไต
  • ผู้มีภาวะกรดออกซาลิกสูงในปัสสาวะ
  • ผู้มีภาวะการทำงานของไตบกพร่องรุนแรงหรือไตวาย (GFR น้อยกว่า 30 มิลลิลิตรต่อนาที) และผู้ที่ต้องได้รับการฟอกไต
  • ผู้มีภาวะธาตุเหล็กสูงในเลือด

คำเตือนและข้อควรระวัง

  • ไม่ควรรับประทานเกินขนาดที่กำหนด การได้รับวิตามิน ซีเกินขนาดทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง (มากกว่า 2 กรัมต่อวัน) จะเพิ่มความเสี่ยงต่ออาการไม่พึงประสงค์ ซึ่งรวมถึงเกิดการสร้างและสะสมของผลึกแคลเซียม ออกซาเลต ภาวะการทำลายอย่างเฉียบพลันของท่อหน่วยไต และ/หรือ ไตวายเฉียบพลัน
  • ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยานี้ หากมีการใช้ผลิตภัณฑ์วิตามินเดี่ยวหรือวิตามินรวม ยาบางประเภท หรืออยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
  • ผู้มีภาวะการทำงานของไตบกพร่อง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนได้รับวิตามิน ซีในปริมาณสูง ผู้ที่มีภาวะบกพร่องของเอนไซม์กลูโคส-6-ฟอสเฟต ดีไฮโดรจีเนส ไม่ควรรับประทานยาเกินขนาดที่ระบุบนฉลาก เพราะอาจทำให้เกิดภาวะโลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงแตกได้
  • เนื่องจากยานี้มีสังกะสีเป็นส่วนประกอบ ควรเว้นช่วงรับประทานห่างจากยาชนิดอื่นๆ ประมาณ 4 ชั่วโมง นอกจากระบุไว้เป็นอย่างอื่น
  • วิตามิน ซีอาจมีผลทำให้ผลการทดสอบจากห้องปฏิบัติการเกิดความคลาดเคลื่อน จึงควรแจ้งแพทย์ให้ทราบล่วงหน้าก่อนการตรวจวัด
  • วิตามิน ซีอาจทำให้ผลการวัดของชุดตรวจน้ำตาลในเลือดเกิดความคลาดเคลื่อน โปรดอ้างอิงตามคำแนะนำในเอกสารกำกับชุดการทดสอบที่ใช้
  • เนื่องจากยานี้มีฟีนิลอะลานีน (แอสปาร์แตม) เป็นส่วนประกอบ จึงห้ามใช้ในผู้ป่วยที่เป็นฟีนิลคีโตนูเรีย
  • เนื่องจากยานี้มีโซเดียมเป็นส่วนประกอบ จึงควรระวังในผู้ป่วยที่ต้องควบคุมปริมาณโซเดียม

อันตรกิริยากับยาอื่นๆ

พบรายงานที่ชัดเจนของการเกิดอันตรกิริยาสำหรับตัวยาสำคัญเดี่ยว ดังนั้น ผู้ที่ได้รับยาอื่นๆ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรืออยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยานี้ ไม่ควรพบอันตรกิริยาเฉพาะเจาะจงอื่นใด หากใช้ยาตามที่ระบุ

อันตรกิริยากับยาอื่นๆ

วิตามิน ซี

  • เดสเฟอรริออกซามีน - วิตามินซีอาจเพิ่มความเป็นพิษของธาตุเหล็กในเนื้อเยื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหัวใจ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของหัวใจล้มเหลว
  • ไซโคลสปอรีน - การให้สารต้านอนุมูลอิสระเสริมรวมถึงวิตามินซี อาจลดระดับของยาไซโคลสปอรีนในเลือดได้
  • ไดซัลฟิแรม - การได้รับวิตามินซีเป็นเวลานานหรือในขนาดสูง อาจรบกวนประสิทธิภาพในการรักษาของไดซัลฟิแรม
  • อินดินาเวียร์ (ตัวยับยั้งโปรตีเอส) – วิตามินซีในขนาดสูงจะลดความเข้มข้นในเลือดของอินดินาเวียร์อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจรบกวนประสิทธิภาพในการรักษาของอินดินาเวียร์
  • วอร์ฟาริน - การได้รับวิตามินซีในขนาดสูง อาจรบกวนประสิทธิภาพในการรักษาของวอร์ฟาริน

สังกะสี

  • ธาตุประจุบวกชนิดโพลีวาเลนท์ เช่น สังกะสี จะจับกับสารบางชนิดเกิดเป็นสารเชิงซ้อนส่งผลให้การดูดซึมของทั้งสารทั้งสองตัวลดลง เนื่องจากอันตรกิริยาดังกล่าวเกิดในทางเดินอาหาร การรับประทานยานี้โดยเว้นช่วงห่างจากยาอื่นๆ จะลดความเสี่ยงนี้ได้ โดยปกติเว้นช่วงห่างอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อน หรือ 4-6 ชั่วโมงหลังรับประทานยาอื่น นอกจากระบุไว้เป็นอย่างอื่น สารที่จับเป็นสารเชิงซ้อนเหล่านี้ ได้แก่
    • ยาปฏิชีวนะ กลุ่มเตตราไซคลิน
    • ยาปฏิชีวนะ กลุ่มควิโนโลน
    • เพนนิซิลลามีน

อันตรกิริยากับอาหาร

วิตามินซี

  • เหล็ก:วิตามินซีอาจเพิ่มการดูดซึมเหล็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีภาวะเหล็กบกพร่อง ปริมาณเหล็กที่เพิ่มขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย อาจมีผลต่อผู้ที่มีภาวะเหล็กเกินจากความผิดปกติทางพันธุกรรม

สังกะสี

  • ทองแดง: สังกะสีอาจลดการดูดซึมของทองแดง
  • เหล็ก: ความเข้มข้นสูงของเฟอร์รัส ไอออนจากการรับประทานเหล็กเสริม อาจทำให้ค่าชีวประสิทธิผลของสังกะสีลดลง อันตรกิริยาจะเกิดน้อยลงหากรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมดังกล่าวพร้อมอาหาร

อันตรกิริยากับผลการทดสอบจากห้องปฏิบัติการ

วิตามินซี

  • เนื่องจากวิตามินซีเป็นตัวให้อิเลคตรอนที่แรง จึงอาจไปรบกวนผลการทดสอบจากห้องปฏิบัติการซึ่งเกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาออกซิเดชัน-รีดักชัน เช่น การวิเคราะห์กลูโคส ครีเอทินิน คาร์บามาซีปีน กรดยูริก และฟอสเฟตอนินทรีย์ในปัสสาวะ เลือด และอุจจาระที่มีเลือดปน การเลือกใช้วิธีทดสอบที่เฉพาะเจาะจง หรือการหยุดรับประทานวิตามินซีเสริม จะช่วยหลีกเลี่ยงผลที่อาจคลาดเคลื่อนนี้ได้ ทั้งนี้โปรดอ้างอิงข้อมูลจากผู้ผลิตเครื่องมือทดสอบดังกล่าวเพื่อประกอบการตัดสินใจ
  • วิตามินซีอาจไปรบกวนการวัดปริมาณกลูโคสในเลือดและปัสสาวะ ส่งผลให้การอ่านค่าการทดสอบผิดพลาดได้ แม้ว่าจะไม่มีผลต่อระดับกลูโคสในเลือดเลยก็ตาม โปรดอ้างอิงตามคำแนะนำในเอกสารกำกับชุดการทดสอบที่ใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ

สตรีมีครรภ์และสตรีระหว่างให้นมบุตร

สตรีมีครรภ์และสตรีระหว่างให้นมบุตร

ยานี้มีความปลอดภัยต่อการใช้ในช่วงตั้งครรภ์หรือระหว่างให้นมบุตร หากใช้ตามที่ระบุบนฉลาก อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลการศึกษาในมนุษย์เพียงพอเพื่อประเมินความเสี่ยงของการรักษาในช่วงตั้งครรภ์หรือระหว่างให้นมบุตร จึงควรใช้เมื่อได้รับคำแนะนำจากแพทย์เท่านั้น ไม่ควรรับประทานเกินขนาดที่ระบุบนฉลาก เพราะการได้รับยาเกินขนาดเป็นเวลานานอาจมีอันตรายต่อทารกในครรภ์และเด็กแรกเกิดได้

วิตามิน ซี และสังกะสี ถูกขับออกทางน้ำนมแม่ได้ จึงควรระมัดระวังในการใช้

การเจริญพันธุ์

ไม่พบหลักฐานว่าระดับปกติของวิตามิน ซี และ/หรือ สังกะสี จะก่อให้เกิดความผิดปกติของระบบสืบพันธุ์ในมนุษย์ได้

อาการไม่พึงประสงค์

อาการไม่พึงประสงค์ต่อไปนี้ได้จากการรายงานภายหลังการอนุมัติทะเบียนตำรับยา และเนื่องจากเป็นรายงานโดยสมัครใจ จึงไม่สามารถระบุประมาณความถี่ของการเกิดอาการได้อย่างชัดเจน

ความผิดปกติต่อระบบทางเดินอาหาร

ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน ปวดในทางเดินอาหารและช่องท้อง

ความผิดปกติต่อระบบภูมิคุ้มกัน

ภูมิแพ้
ปฏิกิริยาภูมิไวเกินที่แสดงออกโดยผลทางคลินิกและห้องปฏิบัติการ ซึ่งรวมถึงภาวะหอบหืด การแพ้เล็กน้อยถึงปานกลางต่อผิวหนัง ระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินอาหาร และระบบหัวใจและหลอดเลือด อาการดังกล่าวรวมถึงผื่น ลมพิษ บวม คัน ระบบหัวใจ-ทางเดินหายใจทำงานลำบาก ในกรณีที่รุนแรง พบมีรายงานของการช้อคจากการแพ้

การได้รับยาเกินขนาดและวิธีการรักษา

ไม่พบหลักฐานของการได้รับยาเกินขนาด หากใช้ตามที่ระบุบนฉลาก ควรได้รับการเสริมวิตามิน ซี และ/หรือ สังกะสีจากแหล่งอื่นๆ ทดแทน สัญญาณและอาการแสดงออกที่เฉพาะเจาะจงทางคลินิก ผลทางห้องปฏิบัติการ และผลจากการได้รับยาเกินขนาด มีความหลากหลายสูงขึ้นกับความไวต่อยาของแต่ละบุคคล รวมถึงปัจจัยอื่นๆ
อาการทั่วไปที่อาจพบ ได้แก่ ไม่สบายท้อง เช่น ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน ควรหยุดยาและปรึกษาแพทย์ หากเกิดอาการดังกล่าว

อาการแสดงทางคลินิกที่เฉพาะเจาะจง อาจรวมถึง

วิตามิน ซี
การได้รับวิตามิน ซีอย่างเฉียบพลันและเรื้อรังจากแหล่งต่างๆ มากกว่า 1200 มิลลิกรัมต่อวันในเด็กอายุ 9-13 ปี มากกว่า 1800 มิลลิกรัมต่อวันในวัยรุ่นอายุ 14-18 ปี และมากกว่า 2000 มิลลิกรัมในผู้ใหญ่ จะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดอาการไม่พึงประสงค์

การได้รับวิตามิน ซีเกินขนาดอย่างเฉียบพลันหรือเรื้อรัง (มากกว่า 2 กรัมต่อวัน) อาจทำให้ระดับของออกซาเลตในเลือดและปัสสาวะสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดภาวะกรดออกซาลิกสูงในปัสสาวะ มีผลึกแคลเซียม ออกซาเลตในปัสสาวะ การสะสมของผลึกแคลเซียม ออกซาเลต เกิดนิ่วในไต ทำให้เกิด tubulointerstitial nephropathy และไตวายเฉียบพลันได้ ดังนั้น ผู้ที่มีภาวะการทำงานของไตบกพร่องเล็กน้อยถึงปานกลางจึงอาจไวต่อความเป็นพิษของวิตามิน ซีแม้ได้รับในขนาดต่ำ จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยานี้

ผู้ป่วยที่มีภาวะกรดออกซาลิกสูงในปัสสาวะ เป็นนิ่วในไต หรือมีประวัติเป็นนิ่วในไต มีภาวะการทำงานของไตบกพร่องรุนแรง และผู้ที่ได้รับการฟอกไต จะไวต่อความเป็นพิษของวิตามิน ซีในขนาดที่ใช้ในการรักษา จึงห้ามใช้ในผู้ป่วยเหล่านี้

ผู้ป่วยที่มีภาวะธาตุเหล็กสูงในเลือด การได้รับวิตามิน ซีสูงเป็นเวลานาน (มากกว่า 500 มิลลิกรัมต่อวันในผู้ใหญ่) อาจทำให้ภาวะธาตุเหล็กเกินแย่ลง และส่งผลให้เกิดการทำลายเนื้อเยื่อ จึงห้ามใช้ในผู้ป่วยเหล่านี้

ในผู้ป่วยที่มีภาวะบกพร่องของเอนไซม์กลูโคส-6-ฟอสเฟต ดีไฮโดรจีเนส การได้รับวิตามินซี เกินขนาด (มากกว่า 3 กรัมต่อวันในเด็ก และมากกว่า 15 กรัมต่อวันในผู้ใหญ่) อาจส่งผลให้เกิดการสลายของเม็ดเลือดแดง หรือมีภาวะลิ่มเลือดกระจายไปทั่วหลอดเลือด

สังกะสี
อาการแสดงทางคลินิกของการได้รับสังกะสีเกินขนาดจากแหล่งต่างๆ ทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง อาจสังเกตได้เมื่อได้รับมากกว่า 23 มิลลิกรัมต่อวันในเด็กอายุ 9-13 ปี มากกว่า 34 มิลลิกรัมต่อวันในวัยรุ่นอายุ 14-18 ปี และมากกว่า 40 มิลลิกรัมในผู้ใหญ่

การได้รับสังกะสีเกินขนาด อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและการกัดกร่อนทางเดินอาหารได้ มีการทำลายอย่างเฉียบพลันของท่อหน่วยไต ไตอักเสบ ภาวะทองแดงบกพร่อง โลหิตจางชนิด Sideroblastic และโรคของเส้นประสาท

หากสงสัยว่าได้รับยานี้เกินขนาด ให้หยุดใช้ยาและพบแพทย์ เพื่อรักษาอาการแสดงทางคลินิกเหล่านั้น วิตามิน ซีถูกกำจัดได้โดยการฟอกไต

สภาวะการเก็บรักษา

เก็บยาไว้ในหลอดโดยปิดให้สนิท ป้องกันไม่ให้ถูกแสงและความชื้น เก็บที่อุณหภูมิไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส

เก็บยาให้พ้นมือเด็ก

มีการบรรจุสารกันชื้นที่ฝาหลอด ห้ามเด็กเล่นกับฝาหลอด เพราะอาจกลืนกินสารกันชื้นได้

รูปแบบยาและขนาดบรรจุที่มีจำหน่าย

บรรจุ 15 เม็ดฟู่ ในหลอดอลูมิเนียม

ชื่อและที่อยู่ของผู้นำหรือสั่งยาแผนปัจจุบันเข้ามาในราชอาณาจักร

บริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด
130/1 ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
ผลิตโดย พีที ไบเออร์ อินโดนีเซีย ดีปอก ประเทศอินโดนีเซีย

วันที่มีการแก้ไขปรับปรุงเอกสาร
มิถุนายน 2557.

เอกสารอ้างอิง

  1. Company Core Data Sheet – Ascorbic acid (or Vitamin C)/ Ascorbic acid (Vitamin C) + Zinc citrate, Version 4.0 (August 2013).
  2. Medical justification document: Update of 4.1, 4.2, 5.1 and 5.2 (26 Jul 2013).
  3. Safety justification document: Update of 4.3, 4.4, 4.5, 4.6, 4.7, 4.8, 4.9 and 6.6. (1 Aug 2013).

เรียนรู้เพิ่มเติม

Footer Bayer Logo
  • ผลิตภัณฑ์
    • คำถามที่พบบ่อย
    • เอกสารกำกับยา
  • เคล็ดลับสุขภาพ
    • เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
  • หาซื้อได้ที่

ลิขสิทธิ์©️ 2021 Bayer. ข้อความในเว็บไซต์นี้อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของ บริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด ขอสงวนสิทธิ์ในข้อความ รูปภาพ เสียง ซอฟแวร์ และอื่นๆในเว็บไซต์นี้ ห้ามมิให้ดัดแปลงหรือนำไปใช้งานอื่นๆ
จะต้องได้รับอนุญาติจากเจ้าของเว็บไซต์

เนื้อหาใช้เฉพาะเว็บไซต์นี้เท่านั้น

เลขใบอนุญาติเลขที่ ฆท. 838/2564

  • ติดต่อเรา
  • นโยบายรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
  • เงื่อนไขการใช้งาน
  • Imprint
  • Bayer Global
  • LMR-CH-20210803-04